เมื่อรัก..กลับมา "ร้าง"


Don't Cry

เมื่อรัก..กลับมา "ร้าง"

ยู่ดีๆ เขาก็มาจากคุณไปโดยไม่มีการบอกลา ปล่อยให้ต้นรักที่อุตส่าห์ทะนุถนอมให้แบ่งบาน เหี่ยวแห้งทั้งต้น เมื่อไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับความเสียใจ คุณจึงผิดหวังอย่างใหญ่หลวง ถ้าไม่อยากพบกับเหตุการณ์แบบนี้ จงใช้การสังเกตของคุณให้เป็นประโยชน์ เพื่อที่คุณจะได้ รู้ล่วงหน้าว่า รักที่เคยหวานนั้น จะกลายเป็นความขื่นขมไปในไม่ช้า หรือไม่..

พฤติกรรมเหล่านี้แหละจะเป็นตัวบ่งบอก

1. ไร้น้ำใจสิ้นด : เป็นสภาพที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด ถ้าจะต้องข้องแวะกับคนที่ไร้น้ำใจ ถ้าอยู่ๆ แฟนคุณ เกิดเป็นอย่างนั้นขื้นมาบ้างล่ะ จะทำยังไง เวลาเดินข้ามถนนที่เคยเกาะกุมมือคุณไว้อย่างมั่นคง เอาร่างสูงใหญ่บังคุณไว้จากสิบล้อคันเบ้อเริ่มที่วิ่งมา แต่แล้วกลับเปลี่ยนให้คุณบังแทน อยู่บนรถเมล์ก็แย่งที่นั่ง แล้วปล่อยให้คุณยืนห่อเหี่ยวเอนไปมาบนรถคนเดียว ข้าวของในมือก็ไม่ช่วยหิ้วให้เหมือนเคย ไปไหนด้วยกันก็ไม่เคยใส่ใจ เหมือนว่าไม่มีคุณอีกแล้วในโลกนี้ ..

2. ทำอะไรไม่เหมาะสมกับความเป็นผู้ใหญ่ : ชอบลืมว่าตัวเองอายุปาเข้าไปเท่าไหร่ เวลานั่งคุยกัน ก็เอาเกมส์กดมาเล่น หรือไม่ก็เพลิดเพลินอยู่กับการอ่านการ์ตูน จนลืมนึกว่ามีคุณอยู่ข้างๆ เรียกว่า ให้ความสนใจกับสิ่งอื่น มากกว่าคุณอย่างงั้นเถอะ !

3. รสนิยมชักขัดแย้งกัน : แรกๆ เขาก็ดูจะไปกันได้กับคุณหรอก แต่ไปๆ มาๆ ชักคนละเรื่องกัน คุณชอบดูคอนเสิร์ตร็อค แต่เขากลับชวนคุณไปดูวงไหมไทยซะนี่ มีอะไรมากมายในตัวคุณที่ขัดแย้งกับเขา ซึ่งบางครั้งคุณก็รับไม่ได้เหมือนกัน อย่างเช่น เขาชอบทำตัวสกปรกทั้งๆ ที่หน้าตาออกสะอาดสะอ้าน คุณแต่งตัวออกดี๊ดี แต่เขาทำตัวเหมือนศิษย์พรรคกระยาจก ไม่เห็นเหมือนตอนแรกๆ ที่คบกันเลย ที่พ่อเจ้าประคุณหล่อมาทุกวัน

4. อืดอาดยืดยาด : ความรักที่จืดจางแล้วของเขา คุณจะสัมผัสได้ถึงความอืดเอื่อยเฉื่อยจากที่เคย นัดกันแล้วเขามารอก่อนเวลา ก็กลายเป็นว่า ต้องมารอเขาแทน จากที่เคยมาบ้านแทบทุกวัน ก็กลายเป็นเสาร์-อาทิตย์ถึงจะมา บางทีก็กลายเป็นอาทิตย์ละครั้งไปเลย คุณบอกให้เขาช่วยทำรายงานเขาก็เฉย ให้ทำนั่นทำนี่ให้ ก็เหมือนกับซังกะตาย เฮ้อ...

5. ความรับผิดชอบชักหายาก : เขานัดคุณว่าจะพาไปงานเลี้ยงรุ่น แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับเบี้ยวเสียเฉยๆ บอกว่าจะพาไปเที่ยวพัทยา
ไปๆ มาๆ ก็เฉย ละเลยกันแบบซึ่งๆ หน้า แหวนที่คุณอุตสาห์ให้เป็นของขวัญวันเกิด เขาก็ทำหาย เรียกว่าความรับผิดชอบต่อหน้าที่แฟน
ของคุณที่เขามีให้ ชักน้อยลงทุกที

ยังไงก็อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้นะจ้ะ ทุกอย่างมีทางป้องกัน อิ๊ อิ๊..
ไหนๆ ก็จับมือคบกันมาแล้ว ก็ต้องประคับประคองให้รักนั้นยืนยาวสิ จริงมั้ย?
เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ทุกอย่างก็ราบรื่นขึ้นนะจ้ะ บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะสรุป
ไม่ได้เสมอไปนะ ต้องมีเหตุผลและพยายามปรับความเข้าใจ ฟอร์มน่ะทิ้งไป...

สินสอด

สินสอด

ในแง่มุมของนักกฎหมายที่คำนึงถึงความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย จะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายว่าด้วยการเรียกสินสอดในการสมรส เพราะสินสอดบัญญัติให้เป็นการมอบตอบแทนให้แก่ฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว ในขณะที่พ่อแม่ของฝ่ายชายมองว่าลูกชายก็มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูไม่แตกต่างไปจากลูกหญิง แต่ทำไมกฎหมายสินสอดจึงกำหนดให้ฝ่ายชายมอบให้แก่ฝ่ายหญิงอย่างเดียว จึงเป็นกฎหมายที่มีการเลือกปฏิบัติในเรื่องเพศ ซึ่งในเรื่อง การหมั้น กฎหมายไม่ได้วิเคราะห์ความหมายของการหมั้นไว้ชัดเจนเหมือนกับสินสอด

ดังนั้นบทบัญญัติของกฎหมาย ที่ว่าด้วยสินสอดจึงควรมีการยกเลิกเพื่อให้ไม่มีการยกย่องเพศใดเพศหนึ่งโดยไม่ให้ความเป็นธรรมกับอีกเพศหนึ่ง ซึ่งมีหญิงชายเป็นจำนวนมากที่รักกันและไม่ได้แต่งงานกันเพราะไม่สามารถจัดหาเงินสินสอดมาแต่งงานให้สมหน้าสมตาฝ่ายหญิงได้ ซึ่งในบางประเทศเช่นอินเดีย ซึ่งแม้กฎหมายจะบัญญัติตรงข้ามกับประเทศไทยคือกำหนดให้ฝ่ายหญิงต้องจ่ายสินสอดให้ฝ่ายชายแต่ได้ทำให้หญิงที่ประสงค์จะแต่งงานกับชายคนรักต้องฆ่าตัวตายสังเวยการที่ไม่อาจหาสินสอดมาแต่งงานได้

ผู้เขียนเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่ากฎหมายว่าด้วยสินสอด เป็นกฎหมายหนึ่งที่มีส่วนในการสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในเรื่องเพศ เป็นกฎหมายที่ไม่ได้ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงและชาย ทำให้เป็นอุปสรรคอย่าง หนึ่ง ที่ทำให้ชายหญิงซึ่งรักกันและอยากจะแต่งงานกัน ตามประเพณีและกฎหมาย ได้รับผลกระทบจากการที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงเรียกค่าเลี้ยงดูเป็นค่าสินสอดได้ฝ่ายเดียว เราควร จะรณรงค์ให้มีการยกเลิกกฎหมายที่มีส่วนสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในเรื่องเพศไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย และกฎหมายว่าด้วยเรื่องสินสอดเป็นตัวอย่างหนึ่งของกฎหมายที่เลือกปฏิบัติในเรื่องของเพศชาย

ส่วนที่เมื่อมีการยกเลิกแล้วจะมีการเรียกร้องทรัพย์สินเพื่อตอบแทนแต่งงานกันอย่างไรก็ควรเป็นเรื่องการให้ตอบแทนโดยเสน่หาระหว่างกันแล้วแต่ฝ่ายใดจะตกลงกัน แต่ต้องไม่ใช่เป็นการบัญญัติชัดเจนไว้ในกฎหมายที่มุ่งให้แก่เพศใดเพศหนึ่งเพียงเพศเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคงจะตอบปัญหาในเรื่อง สินสอดตามกฎหมายที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันกล่าวคือ การสมรสในความหมายของกฎหมายนั้นหมายถึง การจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไม่ใช่เพียงแต่การทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณีเท่านั้น

ดังนั้นการจดทะเบียนสมรสแล้ว แม้จะไม่มีพิธีแต่งงาน ก็ถือว่าเป็นการสมรสตามกฎหมายแล้ว และการทำพิธีแต่งงานตามประเพณีแต่ไม่มีการจดทะเบียนสมรส ก็ไม่ถือว่าเป็นการสมรสตามกฎหมาย

สินสอดที่ฝ่ายชายมอบให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองของหญิงนั้น เป็นการให้เพื่อเป็นของขวัญตอบแทนการที่หญิงยอมสมรสและกรรมสิทธิ์ตกเป็นของฝ่ายหญิงไปแล้ว ฝ่ายชายมีสิทธิจะเรียกสินสอดคืนได้ 2 กรณี คือ

1. ถ้าไม่มีการสมรสโดยมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิง ซึ่งจะต้องเป็นเหตุที่จะกระทบกระเทือนถึงการสมรสที่จะมีต่อไประหว่างชายหญิงอันจะก่อความไม่สงบสุขในชีวิตสมรสที่จะมีต่อไปในภายหน้า เช่น หญิงไปมีเพศสัมพันธ์กับชายอื่น หญิงได้รับโรคติดต่ออย่างร้ายแรง หรือหญิงเป็นโรคเอดส์ หญิงต้องคำพิพากษาให้ติดคุก กรณีตัวอย่างดังกล่าวจะเห็นได้ว่าทำให้ชายไม่อาจสมรสกับหญิงผู้นั้นได้ ฝ่ายชายจึงมีสิทธิเรียกสินสอดคืนได้

2. ถ้าไม่มีการสมรสโดยมีพฤติการณ์ซึ่งฝ่ายหญิง จะต้องรับผิดชอบ จะเห็นได้ว่ากรณีนี้ใช้คำว่าฝ่ายหญิง ซึ่งจะรวมทั้ง บิดา มารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้ปกครอง หรือบุคคลผู้กระทำการในฐานะเช่นบิดามารดาของหญิงด้วย เช่น การที่บิดา มารดา ไม่ให้ความยินยอมให้หญิงผู้เยาว์ทำการสมรส จึงถือว่าเป็นความผิดของฝ่ายหญิงที่ชายมีสิทธิจะเรียกสินสอดคืนได้.

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร







มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ "อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม" อำเภอบ้านแพ จังหวัดราชบุรี มาเมื่อหลายวันก่อน ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจหลาย ๆ อย่าง แต่วันนี้ 'เก็บตกริมทาง' ขอเก็บเรื่องราวภายใน "อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม" เกี่ยวกับ "พระโพธิสัตว์" ซึ่งสนใจมาก มาฝากกัน...

"พระโพธิสัตว์" คือ อริยบุคคลที่ได้บรรลุอรหันต์ ทรงได้ตรัสรู้แล้ว แต่ยังไม่ยินดีด้วยการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทรงมีปณิธานว่าจะอยู่คอยช่วยเหล่าสรรพสัตว์ในโลกมนุษย์ก่อนจนถึงคนสุดท้าย ตามความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ลัทธิตรันตระ เกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 9-10

สำหรับองค์ที่จำลองขึ้นมาเป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ กวนซิอิมผ่อสัก เป็นศิลปะแบบกลางปลายสมัยราชวงศ์ซ้องของจีน เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมท่านั่งมหาราชลีลา ลักษณะเป็นบุรุษเพศ ตามประวัติเดิม พระโพธิสัตว์ล้วนมีรูปปั้นเป็นบุรุษเพศ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย และทรงเครื่องแต่งกายสง่างามอย่างกษัตริย์ เมื่อมีการอันเชิญพระไตรปิฏกจากอินเดียมาสู่จีน ทำให้พระโพธิสัตว์ของจีนสมัยแรก ๆ ก็มีภาพวาดและรูปปั้นเป็นลักษณะบุรุษ เช่นเดียวกับอินเดีย

ต่อมาในสมัยราชวงศ์หงวน พุทธศาสนิกชนชาวจีน ได้สถาปนาพระนางเมี่ยวซ่านพระธิดาของกษัตริย์เมี่ยวจวงให้เป็น พระกวนอิมด้านคุณธรรมและความดีงามต่าง ๆ ที่พระนางปฏิบัติ จนเกิดความสงบสุขแก่สังคม เทิดทูนพระนางเมี่ยวซ่านเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม และเป็นสตรีเพศ อันมีเมตตา สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติพระโพธิสัตว์แต่นั่นมา เมื่อชาวจีนมาอยู่ในไทยรูปลักษณ์จึงเป็นสตรีเพศตามอย่างมาจากประเทศจีน

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เปรียบดุจดังภูเขาที่รองรับแผ่นดิน ทรงเหนือกว่าดวงอาทิตย์ อันเป็นตะเกียงที่ให้แสงสว่างแก่โลก ถือโลกไว้ในพระหัตถ์ ทรงสามารถบันดาลสรรพสิ่งให้แก่โลกได้ พระองค์ทรงเปล่งรัศมี และพระองค์ทรงหายไปได้ประดุจลูกไฟในอวกาศ

ถ้าใครสนใจและอยากเห็นของจริง ก็ลองไปชมกันไดัที่ "อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม" นะคะ...


Pigcolorpink
natenapau@dailynews.co.th

การทำความสะอาดวอลเปเปอร์



วอลเปเปอร์บ้านใครกำลังสกปรกบ้าง มาทำความสะอาดกันดีกว่า วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

สิ่งที่ต้องรู้เป็นอย่างแรกเพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายบนกำแพงก็คือวอลเปเปอร์ที่ใช้นั้นสามารถล้างได้หรือไม่? โดยมากมักจะมีฉลากติดมากับม้วนวอลเปเปอร์อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีก็ลองเลียบเคียงถามคนขายดูหรือไม่ก็นำมาทดสอบเองแต่ให้เลือกทดสอบเอาบริเวณที่ไม่ค่อยดึงดูดความสนใจมากนัก

การทดสอบ คือ ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาด ถ้ากระดาษเกิดอาการแพ้ยาด้วยการดูดซับน้ำหรือลวดลายออกอาการเลอะเลือน รู้ไว้ว่าวอลเปเปอร์นั้นล้างไม่ได้ อย่าไปฝืน หาทางทำความสะอาดวิธีอื่นดีกว่า แม้แต่วอลเปเปอร์ที่บอกว่าเป็นชนิดที่ล้างได้ยังสมควรผ่านการทดสอบนี้ก่อนเลย ดีกว่าจะมามีผลเสียหายต่อกำแพงภายหลัง

การทำความสะอาดวอลเปเปอร์ต้องเริ่มด้วยความมั่นใจว่าอยู่ในสภาพที่สะอาดปราศจากฝุ่นแล้ว ด้วยการดูดฝุ่นหรือไม่ก็ใช้ไม้กวาดขนไก่ธรรมดา ๆ นี่แหละปัดให้เลี่ยม จากนั้นก็เอาพรมที่ปูพื้นออกเสีย หากระดาษหนังสือพิมพ์วันเก่า ๆ มาปูทับเพื่อความสะดวกในการทำงาน แต่ถ้าเป็นพรมที่ปูแบบถาวรก็ต้องสละผ้าพลาสติคสักผืน 2 ผืนมาปูไว้กันเลอะ

สำหรับชนิดที่ล้างได้จะมีการเคลือบพลาสติคเอาไว้ ใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาล้างผนังหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ ที่รอยเปื้อน ทาถูทาถูจนรอยเปื้อนลบเลือนไป แต่ถ้ายังไม่ออก ก็ต้องใช้ผงขัด...โรยแล้วก็ขัดจนกว่าจะออก

ส่วนวอลล์เปเปอร์ในแบบล้างไม่ได้นั้นให้หาน้ำยาทำความสะอาดแบบเฉพาะมา ถามร้านที่ซื้อวอลเปเปอร์มาก็ได้ เลือกน้ำยาที่ใช้สารที่เหมาะสมกับพื้นผิววอลเปเปอร์ แล้วค่อย ๆ ลบรอยเปื้อนออกตามทิศทางเดียวกับการติดวอลเปเปอร์ อ้อ! อย่าลืมทดสอบน้ำยาก่อนในบริเวณที่ไม่ค่อยเป็นจุดเด่นนักเช่นหลังเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงาม ถ้าไม่เกิดริ้วรอยใด ๆ ค่อยลงมือทำ

คราบสกปรกเล็ก ๆ น้อย ๆ มีวิธีกำจัดอย่างไร อย่างเช่น รอยนิ้วมือ รอยด่างดำ รอยปากกา เช็ดออกเบา ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดวอลเปเปอร์ โดยแบบที่ล้างได้ให้เช็ดตามด้วยฟองน้ำพอหมาด ๆ ส่วนคราบน้ำมันซับเบา ๆ ด้วยกระดาษทิชชู่ใช้หลาย ๆ แผ่นกดทับลงบนคราบด้วยโลหะอุ่น ๆ กระดาษจะซับคราบออกไป ถ้ายังไม่หมดให้ใช้น้ำยาทำความสะอาด

ลองนำวิธีที่แนะนำไปทำความสะอาดวอลเปเปอร์กันดูได้.

สูตรเกมส์ WarCraft 3

สูตรเกมส์ WarCraft 3

ในระหว่างเล่นเกมส์ให้คุณกด Enter เพื่อกรอกสูตรดังนี้แล้วกด Enter อีกที
ถ้าสูตรติดจะมีคำว่า Cheat enabled

whosyourdaddy

อมตะ

thereisnospoon

เวทย์มนต์ไม่จำกัด

strengthandhonor

เล่นต่อได้แม้ว่าแพ้แล้ว

iseedeadpeople

แสดงแผนที่แบบเต็ม

allyourbasearebelongtous

ชนะด่านนั้น

somebodysetusupthebomb

แพ้ด่านนั้น

ihavethepower

ฮีโร่ของคุณและพันธมิตรมีเลเวล10

thedudeabides

อากาศหนาวเย็น

itvexesme

ไม่บอกสถานะการชนะ

keysersoze [จำนวน]

เพิ่มทอง500 หรือใส่จำนวน

leafittome [จำนวน]

เพิ่มไม้500 หรือใส่จำนวน

greedisgood [จำนวน]

เพิ่มทองและไม้500 หรือใส่จำนวน

warpten

ก่อสร้างแบบเร็ว

iocainepowder

ตายเร็ว

pointbreak

อาหาร

whoisjohngalt

ค้นคว้าเร็ว

sharpandshiny

อัพเกรด

synergy

ปลดล็อค tech tree

riseandshine

เปลี่ยนเวลาเป็นตอนเช้า

lightsout

เปลี่ยนเวลาเป็นตอนเย็น

daylightsavings [ชั่วโมงที่]

เปลี่ยนเวลา

daylightsavings

เปลี่ยนกลางวันกลางคืน

abrakadabra

โหมดไร้ต้นไม้

motherland [เผ่า] [ฉากที่]

ไปฉากที่

พยาธิตัวตืดหรือพยาธิตัวแบน

พยาธิตัวตืดหรือพยาธิตัวแบน

ลักษณะของพยาธิ มีลักษณะแบนและยาวมองดูคล้ายบะหมี่ขดตัวไปมา บางตัวอาจยาวถึง4-6เมตร มีส่วนกว่างที่สุดประมาณ1.2เซนติเมตร ส่วนหัวมีขนาดเท่าหัวเข็มหมุด และมีเบ้าคล้ายเบ้าขนมครก4อันสำหรับไว้ยึดเกาะติดกับผนังลำไส้ ลำตัวจะแบ่งออกเป็นปล้องๆ ส่วนคอของพยาธิมีลักษณะเรียว สามารถงอกและแบ่งตัวเป็นปล้องใหม่ได้เรื่อยๆ เพื่อชดเชยปล้องตอนท้ายที่ต้องหลุดไป เมื่อแก่ปล้องทุกปล้องจะดดกินอาหารจากลำไส้เล็กได้ และสามารถสืบพันธุ์ได้

วงจรชีวิตและการติดต่อ ปล้องทุกปล้องจะมีอวัยวะเพศทั้ง2เพศ เมื่อเป็นตัวแก่จะผสมพันธุ์กันที่ปล้อง และจะออกไข่เก็บสะสมในปล้อง เมื่อปล้องแก่จัดจะหลุดออกมานอกร่างกายพร้อมกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงพื้นดินหรือตามหญ้า ปล้องนั้นสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้นาน เมื่อวัวหรือหมูมากินหญ้าหรืออาหาร ก็จะกินปล้องพยาธิที่ติดอยู่ไปด้วย ตัวอ่อนของพยาธิจชอนไชเข้าสู่ผิวหนังและหลอดเลือด แล้วตัวอ่อนจะไหลไปตามหลอดเลือดไปอาศัยตามกล้ามเนื้ต่างๆ และเจริญติบโตต่อไปที่กล้ามเนื้อ เมื่อถึงระยะหนึ่งพยาธิก็จะสร้างฝักหุ้มตัวเองไว้เปนระยะติดต่อ โดยจะมีลักษณะเป็นเม็ดขุ่นขาวที่เรียกว่า"เม็ดสาคู" ถ้าหากคนนำเนื้อที่มีเม็ดสาคูมาประกอบอาหารโดยไม่ทำให้สุก เม็ดสาคูนั้นจะตกไปที่ลำไส้ ตัวอ่อนก็จะออกจากฝัก แล้วใช้ส่วนหัวดูดยึดเกาะผนังลำไส้ ล้วเจริญต่อตัวเป็นปล้องๆยาวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตัวแก่

อาการ

circle03_orange_3.gif บางครั้งพยาธิจะคลานออกมาทางทวารหนักในขณะที่ไม่รู้ตัว ทำให้อับอายได้

circle03_orange_3.gif พยาธิชนิดนี้จะแย่งอาหารโดยเฉพาคาร์โบไฮเดรต ทำให้ผู้ป่วยหิวง่าย

circle03_orange_3.gif ทำให้เกิดลำไส้อาการทางประสาท นอนไม่หลับ เวียนศีรษะ ปวดท้อง

circle03_orange_3.gif ถ้าตัวอ่อนติดอยู่ตามกล้ามเนื้อสมอง ตับ หัวใจ หรือนัยน์ตา ทำให้เกิดอาการต่างๆเช่น ลมบ้าหมู แลถ้าเป็นมากๆอาจตายได้

การรักษา ทานยาขับถายพยาธิตามคำแนะนำของแพทย์

การป้องกัน

circle03_skyblue_3.gif ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ

circle03_skyblue_3.gif ก่อนซื้อเนื้อวัว เนื้อกระบือ หรือเนื้อหมู มาทาน ควรตรวจดูด้วยว่าเนื้อนั้นมีเม็ดสาคูหรือไม่

circle03_skyblue_3.gif รับประทานเนื้อวัว เนื้อกระบือ หรือเนื้อหมู ที่ผ่านการทำให้สุกแล้วเท่านั้น

พยาธิใบไม้ในตับ

พยาธิใบไม้ในตับ

ลักษณะของพยาธิ ตัวแก่จะมีลักษณะคล้ายใบกระถิน ลำตัวแบน กว้างประมาณ2มิลลิเมตร ยาวประมาณ7มิลลิเมตร หัวเรียวไปสุดที่ปากที่มีรูปร่างเหมือนถ้วยสำหรับดูดเกาะ มีสีเนื้อหรือน้ำตาล มีอวยวะเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน

วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อตัวแก่อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีภายในตับ จะออกไข่ปนกับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก และจะออกปะปนไปกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในน้ำ ไข่พยาธิจะถูกหอยน้ำจืดที่มีลักษณะคล้ายหอยขมกินเข้าไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนและเจริญเติบโตในตัวหอย ต่อมาจะไชทะลุตัวหอยออกมาว่ายอยู่ในน้ำ เมื่อพบปลาบางชนิด เช่น ปลาขาว ปลากระมัง ก็จะไชทะลุไปอาศัยในตัวปลา จนถึงระยะติดต่อจะสร้างถุงหุ้มตัวเองที่เรียกว่า"ซีสต์"ในเนื้อปลา ถ้าคนนำปลานั้นมาทานสุกๆดิบๆ ถุงหุ้มพยาธิระยะติดต่อจะถูกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารละลาย ตัวพยาธิจะออกมาอยู่ในลำไส้เล็ก และหาทางเข้าไปในท่อน้ำดีที่ตับ แล้วเจริญเติบโตเป็นตัแก่ที่ออกไข่ได้ รวมแล้วมีวงโคจรประมาณ3เดือน

อาการ เมื่อรับประทานอาหารสุกๆดิบๆที่มีพยาธิใบไม้ในตับแล้ว ระยะติดต่อเข้าไปนานประมาณ1เดือนจะเริ่มแสดงอาการของโรคอกมามีความรุนแรงมากขึ้น รุนแรงหรือไม่รุนแรงขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่มีอยู่และระยะเวลาของการเจ็บป่วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงมีอาการในลักษณะดังนี้

1. อาการเล็กน้อย พบในผู้ป่วยที่มีพยาธิใบไม้ในตับน้อยกว่า1,000ใบต่ออุจจาระ1กรัม ผู้ป้วยจะท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดหลังรับประทานอาหารเป็นบางครั้ง

2. อาการปานกลาง พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิตั้งแต่1,000-3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยจะมีอาการหลังทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำ ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระเหลววันละ3-4ครั้ง เบื่ออาหาร เจ็บท้องและชายโครงบริเวณตับ

3. อาการหนัก พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิเกิน3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะซูบซีด เลือดจาง ตับโต หนังหน้าท้องบางจนมองเห็นเส้นเลือดดำชัด ท้องมานและบวมตามขา และถ้าพยาธิรบกวนท่อน้ำดีก็จะทำมให้เป็นโรคตับแข็ง ถ้าพยาธิไปอุดขวางท่อน้ำดีไว้ น้ำดีจะไหลลงสู่ลำไส้ไม่สะดวก ทำให้ย่อยอาหารประเภทไขมันไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจะท้องอืดท้องเฟ้อ มีอาการดีซ่าน เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย

การรักษา ให้แพทย์ตรวจรักษา

การป้องกัน

1. ไม่ทานเนื้อปลาดิบ หรือสุกๆดิบๆ

2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ถ่ายลงในน้ำหรือพื้นดิน

3. ถ้าสงสัยว่าจะมีพยาธิใบไม้ในตับ ให้แพทย์ตรวจอุจจาระ ถ้าพบก็ให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประสูติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ เมืองเอดินบะระ ประเทศอังกฤษ เป็นพระธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เมื่อแรกประสูติทรงพระนามในสูติบัตรว่า May ตามที่โรงพยาบาลตั้งถวาย ต่อมาเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตั้งพระนามว่า หม่อมเจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา มหิดล (คำว่า "วัฒนา" ในพระนาม ทรงตั้งตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา

**ความผูกพันครอบครัว “มหิดล” **

ในปี พ.ศ.2467 สมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จพร้อมกับครอบครัวเล็ก ๆ ไปยังประเทศเยอรมนี เพื่อรักษาพระองค์ และในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ.2468 พระอนุชาพระองค์แรกได้ประสูติ ณ โรงพยาบาลเมืองไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมนี และได้รับพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “หม่อมเจ้าอานันทมหิดล”


สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้ตรัสถึงพระอนุชาซึ่งทรงเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวในหนังสือ “เจ้านายเล็ก ๆ –ยุวกษัตริย์” ว่า
“ข้าพเจ้าเองจำเหตุการณ์สำคัญนี้ไม่ได้เลย เพราะอายุเพียง 2 ขวบ 4 เดือน แต่คงยินดีอย่างมากที่ได้น้อง ซึ่งคงไม่เป็นเรื่องธรรมดานัก เพราะในหลายครอบครัวลูกคนโตมักจะอิจฉาน้องที่อ่อนกว่าไม่มากนัก เพราะพ่อแม่มักให้ความสำคัญแก่ลูกคนใหม่ แต่ทูลหม่อมฯแม่และแหนน (นางสาวเนื่อง จินตตุล พระพี่เลี้ยง ภายหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ท้าวอินทรสุริยา”) คงได้อธิบายเรื่องน้องที่จะเกิดไว้อย่างดี ข้าพเจ้าจึงรู้สึกรักและอยากช่วยเลี้ยงน้อง”


ต่อมาในปี พ.ศ.2469 ครอบครัวราชสกุลมหิดลเสด็จยังสหรัฐอเมริกา สมเด็จพระบรมราชชนกทรงศึกษาต่อจนได้รับปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อพระอนุชาพระองค์ที่สองได้ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 ณ โรงพยาบาลเคมบริดจ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระนามว่า “ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช”
ทั้งสามพระองค์พี่น้องในราชสกุลมหิดล ต่างสนิมสนมรักใคร่ผูกพันทรงเติบโตขึ้นท่ามกลางความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงอบรมดูแลให้ทุกพระองค์ช่วยเหลือตนเอง มีระเบียบวินัย และเอื้อเฟื้อต่อผู้ด้อยโอกาสกว่า จนเป็นพื้นฐานสำคัญในพระอุปนิสัยของทุกพระองค์
ในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2472 สมเด็จพระบรมราชชนกประชวนและทรงจากครอบครัวไป
“ทูลหม่อมฯสิ้นพระชมน์เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2472 ข้าพเจ้าจำวันนี้ได้ดี ข้าพเจ้ากำลังเล่นอยู่ที่หน้าตำหนัก โดยเดินอย่างดัง ๆ บนขอบถนน...ก็มีคนมาบอกให้เงียบ ๆ และให้ขึ้นไปหาแม่ที่ห้องแต่งตัวของแม่ แม่นั่งอยู่บนม้ายาวหน้าหน้าต่าง แม่ดึงตัวข้าพเจ้าไปกอด และพูดอะไรที่ข้าพเจ้าจำไม่ได้ และร้องไห้ ข้าพเจ้าก็ร้องไห้ไปด้วย เพราะความตกใจที่เห็นแม่ร้องไห้มากกว่าอื่น”

**“พระพี่นางของ 2 พระมหากษัตริย์” **

ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ ด้วยความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรได้อัญเชิญพระวงวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์
ด้วยเหตุนี้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา จึงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ”ในรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี
และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2487 ท่ามกลางสถานการณ์ที่หนักหน่วงเกินกว่าพระหทัยดวงหนึ่งจะรับไหว สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอในพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ทรงเป็นกำลังใจสำคัญเคียงข้างสมเด็จพระบรมราชชนนีและพระอนุชาพระองค์เล็ก ซึ่งต้องรับพระราชภาระแห่งบ้านเมืองในฐานะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในเป็นพระองค์แรกในรัชกาล ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

**การศึกษา**
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเข้ารับการศึกษาชั้นต้นที่อนุบาลปาร์คสกูล( Park School) ระหว่างปี พ.ศ.2469-2471 ในช่วงที่ตามเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งเสด็จไปทรงศึกษาวิชาการแพทย์ และรักษาพระองค์ที่บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในชั้นเรียนมีการใช้ภาษาอังกฤษซึ่งไม่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับพระองค์ท่าน นักเรียนพระองค์น้อยนี้จึงไม่รับสั่งอะไรเลยเป็นเวลานาน ครูผู้สอนมีจดหมายถึงสมเด็จพระบรมราชชนนีในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2471 ว่า ช่วงแรกทรงไม่เข้าพระทัยในสิ่งที่ครูและนักเรียนในชั้นพูดกัน แต่ทรงเรียนรู้ได้เร็ว และสามารถตรัสคำว่า “Yes” , “No” , “Good morning” และ “Good-bye” ได้ แต่ยังไม่สามารถที่จะรับสั่งเป็นประโยคยาว ๆ ได้ ทรงเล่นอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีหิมะตก ทรงตื่นเต้นและรับสั่งคำว่า “ Snow” ออกมาเป็นคำแรก และตามด้วยอีกหลายประโยคในเวลาต่อมา จนรับสั่งเป็นภาษาอังกฤษได้คล่องที่สุด และไม่ทรงลืมภาษาอังกฤษอีกเลย
เมื่อคราวตามเสด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนีกลับมาประทับในเมืองไทย เมื่อช่วงพ.ศ.2471-2476 ทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนราชินี ซึ่งเคยรับสั่งเล่าถึงช่วงที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนราชินีว่า เสด็จไปเรียนเพียงครึ่งวัน เพราะสมเด็จพระบรมราชชนนีทรงเห็นว่าเด็กยังต้องนอนพักผ่อน และในตอนบ่ายก็ทรงจัดให้ครูมาสอนภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะไม่ทรงลืม
ในช่วงแรกทรงเรียนตามเพื่อน ๆ ไม่ค่อยทัน แต่เมื่อปรับตัวได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทรงเรียนอยู่จนถึงชั้นประถมปีที่ 3 สอบได้ที่ 2 ได้รับรางวัลจากกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกระเป๋าผ้าน้ำมัน ซึ่งสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงส่งตามไปให้ภายหลัง เมื่อเสด็จประทับอยู่กับสมเด็จพระบรมราชชนนีที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
หลังจากที่เสด็จจากประเทศไทยกลับมาประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนาทรงศึกษาต่อในระดับเตรียมมัธยมที่โรงเรียนเมียร์มองต์ ( Miremont) ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะทรงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมสตรีประจำเมืองเลซาน Ecole Superieure de Jeunes Filles de la Ville de Lausanne ซึ่งเป็นของรัฐบาล เมื่อพ.ศ.2478

ในปีพ.ศ.2485 ทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี มหาวิทยาลัยโลซาน แม้จะถนัดด้านศิลปะศาสตร์ แต่ทำคะแนนทางวิทยาศาสตร์ได้ดีกว่า จึงเลือกสาขาวิชาเคมี และได้รับ diplome de chimiste et pedagogiques ไปพร้อมกัน อันประกอบด้วยวิชาต่าง ๆ ในสาขาการศึกษา วรรณคดี ปรัชญา และจิตวิทยา

**ชีวิตสมรส**

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงสมรสกับพันเอก อร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ มีพระธิดาหนึ่งคนจากการเสกสมรสกับพันเอกอร่าม คือท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯทรงเสกสมรสอีกครั้งกับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช (พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธารดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย และหม่อมระวี ไกยานนท์)

ในฐานะพระมารดาทรงเลี้ยงดูพระธิดาด้วยพระองค์เองโดยให้ความรักและดูแลเอาพระทัยใส่อย่างใกล้ชิด และเมื่อท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม ได้สมรสกับนายสินธู ศรสงครามมีบุตร คือร้อยเอก จิทัศ ศรสงคราม ในฐานะ “สมเด็จยาย” ของพระนัดดา พระองค์ก็ทรงให้ความรักและห่วงใยเสมอมา

**พระปณิธาน**

ด้วยพระปณิธานอันแน่วแน่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตลอด 84 ปีที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงมีพระกรณียกิจที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อส่วนรวมในหลายแขนง ตั้งแต่เสด็จกลับเมืองไทยในปี พ.ศ.2493 ทรงเริ่มต้นเป็นอาจารย์สอนนิสิตนักศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ อีกหลายแห่ง
ภาพที่ประชาชนไทยต่างคุ้นเคยและอยู่ในความทรงจำมาจนทุกวันนี้ คือเมื่อครั้งที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังทรงเจริญพระชนชีพ ได้เสด็จไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรตามท้องถิ่นทุรกันดารอยู่เสมอ พร้อมกับทรงนำแพทย์อาสาไปให้การรักษาผู้เจ็บป่วย โดยมีสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามเสด็จอยู่เคียงข้าง

แม้เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว นอกจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จะทรงสืบพระปณิธานแล้ว ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่ทรงอุปถัมภ์ บางองค์กรทรงก่อตั้งด้วยพระองค์เอง รวม 63 มูลนิธิ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงราษฎรไทยสืบไปทั้งสิ้น

ข้อมูลและภาพจาก : หนังสือ “แสงหนึ่งคือรุ้งงาม” หนังสือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในโอกาสเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา