พยาธิใบไม้ในตับ

พยาธิใบไม้ในตับ

ลักษณะของพยาธิ ตัวแก่จะมีลักษณะคล้ายใบกระถิน ลำตัวแบน กว้างประมาณ2มิลลิเมตร ยาวประมาณ7มิลลิเมตร หัวเรียวไปสุดที่ปากที่มีรูปร่างเหมือนถ้วยสำหรับดูดเกาะ มีสีเนื้อหรือน้ำตาล มีอวยวะเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน

วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อตัวแก่อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีภายในตับ จะออกไข่ปนกับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก และจะออกปะปนไปกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในน้ำ ไข่พยาธิจะถูกหอยน้ำจืดที่มีลักษณะคล้ายหอยขมกินเข้าไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนและเจริญเติบโตในตัวหอย ต่อมาจะไชทะลุตัวหอยออกมาว่ายอยู่ในน้ำ เมื่อพบปลาบางชนิด เช่น ปลาขาว ปลากระมัง ก็จะไชทะลุไปอาศัยในตัวปลา จนถึงระยะติดต่อจะสร้างถุงหุ้มตัวเองที่เรียกว่า"ซีสต์"ในเนื้อปลา ถ้าคนนำปลานั้นมาทานสุกๆดิบๆ ถุงหุ้มพยาธิระยะติดต่อจะถูกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารละลาย ตัวพยาธิจะออกมาอยู่ในลำไส้เล็ก และหาทางเข้าไปในท่อน้ำดีที่ตับ แล้วเจริญเติบโตเป็นตัแก่ที่ออกไข่ได้ รวมแล้วมีวงโคจรประมาณ3เดือน

อาการ เมื่อรับประทานอาหารสุกๆดิบๆที่มีพยาธิใบไม้ในตับแล้ว ระยะติดต่อเข้าไปนานประมาณ1เดือนจะเริ่มแสดงอาการของโรคอกมามีความรุนแรงมากขึ้น รุนแรงหรือไม่รุนแรงขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่มีอยู่และระยะเวลาของการเจ็บป่วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงมีอาการในลักษณะดังนี้

1. อาการเล็กน้อย พบในผู้ป่วยที่มีพยาธิใบไม้ในตับน้อยกว่า1,000ใบต่ออุจจาระ1กรัม ผู้ป้วยจะท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดหลังรับประทานอาหารเป็นบางครั้ง

2. อาการปานกลาง พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิตั้งแต่1,000-3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยจะมีอาการหลังทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำ ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระเหลววันละ3-4ครั้ง เบื่ออาหาร เจ็บท้องและชายโครงบริเวณตับ

3. อาการหนัก พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิเกิน3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะซูบซีด เลือดจาง ตับโต หนังหน้าท้องบางจนมองเห็นเส้นเลือดดำชัด ท้องมานและบวมตามขา และถ้าพยาธิรบกวนท่อน้ำดีก็จะทำมให้เป็นโรคตับแข็ง ถ้าพยาธิไปอุดขวางท่อน้ำดีไว้ น้ำดีจะไหลลงสู่ลำไส้ไม่สะดวก ทำให้ย่อยอาหารประเภทไขมันไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจะท้องอืดท้องเฟ้อ มีอาการดีซ่าน เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย

การรักษา ให้แพทย์ตรวจรักษา

การป้องกัน

1. ไม่ทานเนื้อปลาดิบ หรือสุกๆดิบๆ

2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ถ่ายลงในน้ำหรือพื้นดิน

3. ถ้าสงสัยว่าจะมีพยาธิใบไม้ในตับ ให้แพทย์ตรวจอุจจาระ ถ้าพบก็ให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป

0 ความคิดเห็น: